สิ่งที่ได้พบก็คือ ราคารถของสามประเทศเหล่านี้ โดยรวมแล้วมักจะมีราคาถูกกว่าที่ประเทศไทยอยู่มากพอสมควร เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น จึงขอเอาราคาของรถที่มีขายอยู่ในทุกประเทศที่กล่าวไปอย่าง Toyota Corolla มาเทียบกัน
Corolla ราคาไทย : 829,000 – 1,099,000 บาท
Corolla ราคาญี่ปุ่น : 558,000 – 793,000 บาท
Corolla ราคาอเมริกา : 605,000 – 788,000 บาท
Corolla ราคาจีน : 523,000 – 697,000 บาท
จะเห็นได้ว่าราคาของ Corolla ในสามประเทศนี้ มีราคาถูกกว่าที่ไทยเกือบ 200,000 – 400,000 บาท
ทั้งที่ประเทศเหล่านี้ ประชากรต่อหัวมีรายได้มากกว่าไทยหลายเท่า ถ้าค่าครองชีพสูง ก็ต้องมีราคารถสูงตามไปด้วยไม่ใช่หรือ!?นอกจากนี้ ประเทศดังกล่าวก็มีการผลิตรถยนต์ภายในประเทศเหมือนกับไทยเรา นั่นทำให้ค่าแรงของพนักงานตั้งแต่พนักงานในโรงงาน พนักงานในโรงงานชิ้นส่วน ไปจนถึงพนักงานของดีลเลอร์รถ ก็ต้องแพงกว่าคนไทยใช่หรือไม่!?แต่ทำไมตอนขายรถในราคาตลาดแล้ว จึงตั้งราคาออกมาถูกกว่า?ด้วยข้อสงสัยดังกล่าว ทางเราจึงลองตั้งทฤษฎีออกมาได้ดังนี้…
หลายคนอาจจะคิดว่า “ภาษี” ทำให้รถในไทยมีราคาแพงเป็นเรื่องจริงที่ภาษีส่งผลต่อการตั้งราคารถ แต่มันไม่ใช่ปัจจัยเดียว เพราะการที่ราคาต่างกัน 200,000 – 400,000 ต้องมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบ
และปัจจัยแรกที่เราคิดว่าสำคัญที่สุดที่ทำให้ 3 ประเทศที่กล่าวไป มีราคารถถูกกว่าไทยก็คือ “จำนวนประชากร” และยอดขายรถ ไทย มีประชากรราว 69 ล้านคน
ญี่ปุ่น มีประชากรราว 125 ล้านคน
สหรัฐอเมริกา มีประชากรราว 328 ล้านคน
และ จีน มีประชากรราว 1,393 ล้านคน (หลายคนคงรู้แล้วว่าเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก)
จำนวนประชากรนั้นเกี่ยวยังไง!?
เพราะตามหลักแล้วประเทศที่ประชากรเยอะกว่า หมายความว่าจำนวนรถที่จะขายได้ก็ต้องมากกว่า ย่อมผลิตมากกว่า และทำให้ต้นทุนของสินค้าที่ผลิตมาถูกกว่า เราขอยกตัวอย่างจากรายงานยอดขายรถทั่วโลกปี 2019 ของ Toyota ได้ระบุยอดขายของแต่ละประเทศเอาไว้ดังนี้
ยอดขาย Toyota ในไทย ปี 2019 จำนวน 332,380 คัน
ยอดขาย Toyota ที่ญี่ปุ่น ปี 2019 จำนวน 1,610,169 คัน
ยอดขาย Toyota ที่จีน (รวมฮ่องกงและมาเก๊า) ปี 2019 จำนวน 1,620,698 คัน
ยอดขาย Toyota ที่สหรัฐฯ ปี 2019 จำนวน 2,757,160 คัน